วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555

อาหารเวียดนามริมทาง (Vietnamese street food)

หลายท่านคงมีโอกาสไปเที่ยวประเทศเวียดนามกันบ้างแล้ว ซึ่งเวียดนามเองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ หรือแม้แต่แหล่งช้อป และเวียดนามก็มีโรงแรม ร้านอาหาร และบริการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ อีกทั้งราคาก็ไม่แพงมาก ส่วนผม ส่วนใหญ่ชอบท่องเที่ยวแบบผจญภัยมากกว่า สะพายเป้มาเอง เพราะภาษาเวียดนามก็พอที่จะเอาตัวรอดได้ในระดับหนึ่ง และผมถนัดเส้นทางภาคกลางของเวียดนาม ลากมาตั้งแต่ จังหวัดกวางบิ่งห์ กวางตริ เว้ ดานัง และฮอยอัน โดยปกติจะทานข้าวเช้าที่ไทย เที่ยงที่ลาว และเย็นที่เวียดนาม หนึ่งวันทานข้าวสามประเทศ ซึ่งตอนนี้ก็มีโอกาสมาที่ภาคเหนือแล้ว ก็จะพยายามนำข้อมูลต่างๆมาแลกเปลี่ยนกับทุกท่านให้ได้รับทราบเพื่อนบ้านของเรานะครับ

ผมมั่นใจได้เลยว่านักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ที่ไปเที่ยวเวียดนามคงต้องรับประทานอาหารในร้านอาหาร หรือภัทตาคาร ดังนั้นอาหารเวียดนามที่ท่านรับประทานอาจจะเป็นอาหารที่ถูกดัดแปลงให้มีรสชาติถูกปากนักท่องเที่ยวไปแล้ว จึงอาจจะไม่ใช่อาหารเวียดนามแท้ๆ วันนี้ผมจะขอนำเสนออาหารเวียดนามริมทางที่ผมเคยลองมา และหลายอย่างเป็นอาหารจานโปรดไปแล้วด้วยครับ เรามาเริ่มกันเลย

1. Bun bo (บุ๊น บ่อ) บุ๊น ก็คือขนมจีน ส่วนบ่อ ก็คือ เนื้อวัว อาหารนี้มีทั่วไปทุกพื้นที่ของเวียดนาม แต่รสชาติอาจต่างกันไปในแต่ละส่วนของเวียดนาม ซึ่งในภาคกลางจะมีรสชาติเผ็ดร้อนนิดๆ (ถูกใจคนไทย รวมทั้งผมด้วย) ส่วนในภาคเหนือความเผ็ดจะอ่อนหรือไม่มีเลย แต่เวลาเสิร์ฟ บุ้นบ่อ ก็จะมีพริกให้เราเติมอยู่แล้ว สำหรับคนที่ชอบเผ็ด นอกจากนี้ยังมีผัก มะนาวสด และน้ำส้มสายชูเสิร์ฟพร้อมกับอาหารชนิดนี้  อาหารนี้ไม่ได้มีแค่เนื้อวัวนะครับ ยังมีเนื้อหมู (ถิดเหลิ่น) หมูยอ (หญ่อ) หอย (อ๊อก) ปู (กัว) ปลา (ก๋า) อาหารนี้เป็นอาหารที่ทานได้ตลอดทั้งวันครับ เช้า เที่ยง เย็น แต่ส่วนใหญ่แล้วคนเวียดนามจะทานตอนเช้า เพราะตอนเที่ยงกับตอนเย็นจะทานข้าวเป็นหลัก ยิ่งถ้าอากาศหนาวๆนี่ได้ทานบุ๊นร้อนๆจะเป็นอะไรที่ลงตัวมากครับ

บุ้นบ่อ เว้
2. Pho (เฝอ) อาหารชนิดนี้ไม่กล่าวถึงไม่ได้แล้ว เพราะมีทุกที่ในเวียดนาม และเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ รวมทั้งคนไทยเราด้วย เพราะเป็นอาหารคู่บ้านคู่เมืองของเวียดนามครับ เฝอจะมีลักษณะคล้ายกับบุ๊น แต่จะต่างกันที่เส้น ซึ่งเส้นของเฝอจะอ่อนและแบบๆ (ใหญ่กว่าก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กของไทยแต่เส้นจะอ่อนกว่า) รสชาติและเครื่องเคียงจะคล้ายๆกับบุ๊น แต่เฝอที่เป็นที่นิยมมากจะเป็น เฝอบ่อ (เนื้อวัว) และเฝอก่า (ไก่) ครับ


เฝอบ่อพร้อมเครื่องเคียง
                Credit: http://saigon212000.blogspot.com/2009/06/pho-vietnamese-traditional-food.html

3. Bun dau mam tom (บุ๊น เดิ่ว หมำ โตม) เป็นขนมจีน ทานกับเต้าหู้ทอด เสิร์มพร้อมกับผักหลากชนิด และที่ขาดไม่ได้ก็คือ กะปิกุ้ง (หมำ โตม) อาหารชนิดนี้ผมพึ่งเคยทานที่ฮานอย แต่แถบภาคกลางไม่เคยเห็น ไม่มั่นใจว่ามีรึเปล่า แต่ที่แน่ๆฮานอยมีครับและอร่อยมาก โดยกะปิกุ้งนั้นจะมีการเติมน้ำมันที่มาจากการทอดเต้าหู้และเติมน้ำส้มสายชูและน้ำมะนาวสดเพื่อเพิ่มรสชาติ แต่หลายคนก็ชอบเพิ่มพริก ซึ่งรวมทั้งผมด้วย ส่วนใหญ่จะทางกันตอนกลางวันครับ ยิ่งวันไหนอากาศร้อนๆจะอร่อยมาก



ขนมจีนตัดเป็นชิ้นๆ เสิร์ฟพร้อมกับผัก เต้าหู้ทอด และน้ำจิ้มจากกะปิ แสนอร่อย

4. My quang (หมี่ กว่าง) อาหารชนิดนี้เป็นอาหารประจำเมืองดานังเลยหล่ะครับ เหมือนเฝอแห้ง แต่เส้นใหญ่กว่าและมีแผ่นแป้งและถั่วลิสงเป็นเครื่องเคียง และจะมีผักผสมในอาหารชนิดนี้เยอะพอสมควร รสชาติจืดนิดๆ แต่ถ้าทานไปเรื่อยๆก็จะรู้สึกมันๆดี

หมี่ กว่าง ดานัง
5. ข้าวราดหน้า ซึ่งที่เวียดนามจะมีอาหารให้เลือกเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ก็จะเลือกทานประมาณ     อย่าง และจะเสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุป รสชาติอาหารส่วนใหญ่จะไม่ร้อนแรงเหมือนอาหารไทย ดังนั้นเวลาทาน คนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมเองชอบเติมพริกเข้าไป ซึ่งร้านเขาก็จะมีพริกน้ำปลาบริการอยู่แล้ว ส่วนใหญ่คนเวียดนามจะทานข้าวตอนเที่ยงและเย็นครับ ส่วนตอนเช้านิยมบุ๊นหรือเฝอมากกว่า


ข้าวร้อนๆมาแล้วครับ

6. Trung vit lon (ตรึ้ง หวิด โหล่น) ก็คือไข่เป็ดลูกนั่นเอง ซึ่งไข่เป็ดนี้จะมีระยะเวลาตั้งแต่ออกมาจากท้องแม่รวมประมาณ  19 - 22 วัน แล้วก็ต้มให้สุก เมื่อสุกแล้วก็นำมาทานกับเกลือ พริกไทย และผัก เป็นอาหารทานเบาๆนะครับ ส่วนใหญ่ทานกันเวลากลางคืน ไม่ได้เป็นอาหารที่กินกับข้าวแต่อย่างใด ถ้าเป็นภาคกลางจะมีลักษณะดังรูปข้างล่างนี้นะครับ คือค่อยๆแกะเปลือกด้านบนก่อนแล้วกินน้ำข้างในจากนั้นค่อยๆกินเป็ดตัวน้อยไปทั้งตัว แต่ถ้าเป็นที่ฮานอยผมเห็นแม่ค้าแกะออกมาใส่ถ้วยเรียบร้อยพร้อมกินเลย รสชาติไม่ต่างกัน แต่ผมชอบวิธีของคนภาคกลางมากกว่าเพราะมันได้อารมณ์ในการค่อยๆกินมากกว่าครับ และน้ำในไข่ต้มนี้เขาบอกว่ามีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่าซุปไก่สกัดซะอีก (อันนี้ยังไม่มีใครพิสูจน์ครับ) คนไทยหลายคนเห็นแล้วก็ไม่กล้า แต่ถ้าได้ลองแล้วรับรองจะติดใจ


Credit: http://suckhoedoisong.vn/20081026161152500p0c60/trung-vit-lon-%E2%80%93-thuc-an-ngon-thuoc-bo-quy.htm

7. กาแฟเวียดนาม เป็นกาแฟที่มีความเข้มข้น หอม และอร่อยมาก คนเวียดนามจะไม่ดื่มกาแฟจืดๆเหมือนคนไทยครับ ยกเว้นคนภาคใต้และบางส่วนในภาคเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่จะดื่มกาแฟแบบเข้มๆกัน แต่ผมไม่ถึงขั้นนั้นครับ เอาเป็นว่ากาแฟนมข้นนี่แหละเหมาะที่สุด เพราะทั้งหอม หวานและอร่อยมาก วิธีการก็แค่นั่งคุยกันรอให้น้ำกาแฟหยดลงมาจากที่กรองกาแฟด้านบนแก้วกาแฟแล้วก็ด้านล่างมีนมข้มอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อเราต้องการความข้นขนาดไหนเราก็สามารถยกที่กรองกาแฟบนแก้วออกแล้วก็ใส่น้ำแข็งไปซักก้อนหนึ่ง ก็เป็นอันเรียบร้อย พร้อมดื่มครับ บอกไว้ก่อนเลยครับว่าการดื่มชาและกาแฟนั้นเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของเวียดนาม และคนเวียดนามจะดื่มตอนไหนก็ได้ของวัน ร้านกาแฟเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านริมทางหรือร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ราคากาแฟก็จะขึ้นอยู่กับการจัดตกแต่งของร้านครับ



เอาหล่ะครับ วันนี้ผมขอแลกเปลี่ยนกับทุกท่านแค่นี้ก่อนแล้วกันนะครับ ครั้งหน้าจะมาต่อยอดใหม่ครับ หวังว่าทุกท่านคงจะพอได้รับรู้วิถีการกินของคนเวียดนามบ้าง ถ้าใครสนใจมากกว่านี้ก็สามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากคุณ กูเกิ้ล นะครับ แล้วใครที่อยากจะลองอาหารริมทางของเวียดนามก็ลองได้แต่ต้องเลือกร้านหน่อยเพราะไม่ใช่ทุกร้านจะสะอาด แต่ส่วนใหญ่ก็ถือว่าใช้ได้ครับ

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

สวนแตงบ้านท่าเรือ

สวนแตงบ้านท่าเรือ

อากาศเริ่มหนาวทีไร ผมก็คิดถึงบรรยากาศสวนแตงที่บ้านเกิดผมทุกที บ้านท่าเรือ ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม นอกจากจะเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตเครื่องดนตรีอีสาน เช่น แคน พิณ โหวต โปงลาง และของชำร่วยเครื่องดนตรีอีสาน อีกทั้งยังเป็นแหล่งผลิตผ้าไหมพื้นเมืองอีสานคุณภาพดีที่มีรางวัลการประกวดผ้าไหมระดับภาคอีสานที่พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ในทุกๆปีเป็นเครื่องหมายยืนยันคุณภาพ

เมื่อว่างเว้นจากการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลัก ชาวบ้านท่าเรือก็จะทำงานหัตถกรรม ทั้งผ้าไหม เครื่องดนตรีอีสานต่างๆ และอีกสิ่งหนึ่งที่ชาวบ้านท่าเรือจะต้องทำทุกๆปี นั่นก็คือ การปลูกแตงและผักสวนครัวต่างๆ ซึ่งหมู่บ้านท่าเรือมีจำนวนครัวเรือนประมาณ 500   หลังคาเรือน และหนึ่งครัวเรือนจะปลูกผักจำนวนหนึ่งแปลง ซึ่งก็รวมถึงแปลงผักคุณแม่ผมด้วย ในแปลงผักก็มีผักหลากหลายชนิดนะครับ แล้วแต่ว่าครัวเรือนไหนชอบปลูกผักอะไรมากกว่า เช่น หอมแดง กระเทียม ผักกาดขาว ผักกาดกวางตุ้ง ผักชีลาว ผักชี ฟักทอง ถั่วฝักยาว และที่ขาดไม่ได้คืออะไรครับ...ใช่แล้วครับแตงนั่นเอง


เมื่อต้นแตงโตพอประมาณแล้วก็จะเอาไม้มาเสียบไว้ให้แตงเกาะเลื้อยขึ้นไป (ภาษาอีสานเรียกว่า ค้างแตง)

คุณแม่กำลังเก็บผักไปทำผักกาดดอง (ภาษาอีสานเรียกว่า ส้มผักกาด)
ทุกๆเช้าตรู่และช่วงบ่าย ชาวบ้านก็จะมา รดน้ำผัก และการเก็บผักปกติจะทำตอนบ่าย และเป็นเวลาที่อากาศเย็นสบายมากครับ นักเรียนที่เลิกเรียนก็จะมาช่วยพ่อ แม่ รดน้ำผัก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่อบอวนไปด้วยมิตรภาพ ชาวบ้านนำเรื่องราวต่างๆมาแลกเปลี่ยนกัน และจะเห็นบรรยากาศของหนุ่มสาวช่วยกันรดน้ำผักช่วยกัน โดยเฉพาะหนุ่มๆแล้วถ้าชอบสาวคนไหนก็จะอาสารดน้ำผักช่วย พูดแล้วก็นึกถึงตัวผมเองตอนยังเด็ก ชอบไปสวนแตงมากที่สุดก็ตอนที่แตงออกลูกแล้ว เพราะเวลานั้นรดน้ำผักไปเก็บแตงกินไปด้วย แต่ช่วงที่ไม่มีแตงก็ไปรดน้ำเหมือนกันนะเดี๋ยวจะเข้าใจผมผิด หุหุ

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากครับ เพราะมีผักสด (ปลอดสารพิษ) ทานทุกวันทั้งผักลวก นึ่ง ผักกาดดอง กินผักสดและเมนูอื่นๆอีกมากมาย แต่อย่าลืมนะครับจิ้มแจ่วปลาร้าไปด้วยนี่อร่อยอย่าบอกใครเลยเชียว ถ้าผักมีเยอะมากก็จะแบ่งปันหรือเอาไปฝากญาติที่อยู่หมู่บ้านอื่นๆ หรือบางครั้งก็มีพ่อค้ามารับซื้อผักที่สวนแตงเลยครับ ช่วงเวลานี้ปกติแล้วที่บ้านผมคุณแม่จะต้องมีผักกาดดองไว้ที่บ้านตลอดครับ ไม่ว่าจะทานข้าวกับอะไรก็ต้องมี ผักกาดดอง (ส้มผัก) แซบอีหลีเด้อ พูดมาแล้วน้ำลายไหล หุหุ



เขียวขจีจริงๆ


ทางเดินตักน้ำรดผักและทางรถผ่าน
 
ผักปลอดสารพิษ มีรอยเจาะของแมลงด้วย

ทุกๆปีหมู่บ้านท่าเรือจะมีการจัดงานสวนแตง แต่วันเวลาแต่ละปีจะไม่ระบุชัดเจน ซึ่งในงานสวนแตงนี้ก็จะมีการประกวดทำอาหารเมนูจากผัก เช่น ตำแตง ตำถั่ว ฯลฯ การประกวดแตงคุณภาพดี ฟักทองคุณภาพดี และการแข่งกันกินแตง ถั่ว ผัก และอาหารอื่นๆ โดยในงานก็จะมีการแสดงตลอดงาน ซึ่งสร้างความสนุกสนานให้กับชาวบ้านและหมู่บ้านใกล้เคียงที่มาร่วมชม

ใครที่กำลังเบื่อๆ เซ็งๆกับชีวิตคนเมืองก็สามารถไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านท่าเรือได้นะครับ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ถือว่าเหมาะมากเพราะอากาศก็ดี แถมยังมีสวนแตงให้เราได้กินผักสดๆจากแปลงอีกต่างหากนะครับ

ใกล้ถึงเวลาที่ผมจะกลับเมืองไทย กลับบ้านท่าเรือไปเยี่ยมคุณแม่ คุณพ่อ และคุณน้อง และอยากกลับไปกินส้มผักกับแจ่วปลาร้าแล้วคร้าบ แล้วเจอกันครับชาวท่าเรือ



ทิ้งท้ายด้วยฝ้ายผูกแขนจากญาติๆก่อนเดินทางไปฮานอยครับ


Masato_Minh_Wut







 





วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

คนเวียดนามคิดอย่างไรกับประเทศไทย?

สวัสดีครับ


หลายปีผ่านมานี้ ถ้าใครได้ติดตามข่าวเศรษฐกิจอยู่บ่อยๆ จะได้ยินชื่อประเทศหนึ่ง ซึ่งมีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด และเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงเรานั่นเอง ประเทศนั้นก็คือ...ประเทศ เวียดนาม ครับ คนไทยหลายคนก็พอจะรู้จักประเทศนี้อยู่บ้าง มีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศนี้แตกต่างกันไป แต่มีคนไทยกี่คนที่รับรู้บ้างว่า คนเวียดนามเขาคิดอย่างไรบ้างกับประเทศของเราบ้างครับ เอาหล่ะวันนี้จะขอแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกท่านนะครับเกี่ยวกับ คนเวียดนามคิดเห็นอย่างไรกับประเทศไทย  เพื่อที่เราจะได้รับรู้ความเป็นจริงที่ผมได้พบเจอในขณะอยู่ที่เวียดนาม

จากการที่ผมมีโอกาสเดินทางไปศึกษา ท่องเที่ยว และทำงานในจังหวัดต่างๆ ของเวียดนามหลายครั้ง และครั้งล่าสุด ที่เมืองฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม และเป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับสอง รองจากนครโฮจิมินท์ (ไซ่ง่อน) ครับ เอาหล่ะ เราเริ่มกันเลยดีกว่า

1. เมืองไทยเป็นประเทศที่สวยงาม มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย และคนเวียดนามอยากจะไปเที่ยวสักครั้งในชีวิต อีกทั้งราคาทัวร์ก็ไม่แพงมาก

2. คนเวียดนามรู้จักนักฟุตบอลไทยหลายคน ทั้งเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือดัสกร ทองเหลา และอีกหลายคนที่มาฟาดแข้งและเป็นผู้ฝึกสอนให้กับสโมสรเวียดนาม ในช่วงเฟื่องฟูของบอลไทย (ตอนนี้อาจเป็นอดีตไปแล้ว) และคนเวียดนามจะชอบชมการแข่งขันฟุตบอลระหว่างเวียดนามกับไทยเป็นพิเศษ

3. สินค้าที่ผลิตในไทยจะได้รับความนิยมและไว้เนื้อเชื่อใจในด้านคุณภาพมาก และมีสินค้าหลายตัวที่พยายามปลอมโดยการใช้อักษรไทยกำกับที่สินค้า แต่พอคนไทยมาอ่านนี่ถึงกับงง เพราะสะกดไม่ถูกเลย และสลับไปสลับมา แต่คนที่อ่านภาษาไทยไม่ได้เขาก็ใจว่าเป็นสินค้าไทย เฮ้อ! และสินค้าแบรนด์ต่างประเทศที่ผลิตในไทยก็ยังได้รับความนิยมอีกด้วย
                                           หล่อใม้โสต  ---หน่อไม้ดองครับ (ผมถ่ายในซุปเปอร์)

4. ไทยคือคู่แข่งทางธุรกิจที่สำคัญของเวียดนาม และคนเวียดนามมีความเชื่อมั่น หรือหลายคนยืนยันเลยว่า สามารถนำหน้าไทยได้ในอีกไม่นานหากการเมืองไทยยังวุ่นวายไม่จบ (แอบเห็นด้วยครับ)

5. ดาราไทยสวยๆ หล่อๆ เยอะมาก และโฆษณาผลิตภัณฑ์เสริมความงามส่วนใหญ่ที่เวียดนามเป็นโฆษณาจากเมืองไทย ซึ่งคนเวียดนามชอบการนำเสนอโฆษณาของเมืองไทย (อันที่จริงโฆษณาไทยก็ดังระดับโลกอยู่แล้วนะครับ)

                                                         Credit: http://www.youtube.com/

6. เมืองไทยเป็นแหล่งผ่าตัดแปลงเพศ และศัลยกรรมความงามระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าตัดแปลงเพศของเพศทางเลือกนี่ ที่นี่เขาร่ำลือกันจริงๆ และเมื่อพูดถึงการผ่าตัดศัลยกรรมความงามของคุณผู้หญิง ไม่มีใครพูดถึงการศัลกรรมของเกาหลีเลย แต่เขาจะบอกว่าคนเวียดนามเลือกศัลยกรรมที่ไทยเพราะมีคุณภาพและราคาไม่แพงมาก

ยังมีอีกมากนะครับ ขออนุญาตในครั้งต่อไปแล้วกัน ก็อย่างที่บอกนะครับข้อมูลข้างต้นนี้เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นของผมเท่านั้น จากการที่ได้คลุกคลีกับคนเวียดนาม และไม่ว่าใครจะมองเราอย่างไร เราก็อย่าลืมเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด และถ้าคิดว่าสิ่งไหนไม่ดีก็นำมาปรับปรุงครับ วันนี้ขอแลกเปลี่ยนแค่นี้ก่อนนะครับ ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมจะมาแลกเปลี่ยนอีกครับผม


Masato_Minh_Wut